000 | 04707nab a22001697a 4500 | ||
---|---|---|---|
850 | _aเอกสารภาษาไทย (ชั้น 5) | ||
999 |
_c149250 _d149250 |
||
008 | 190418b2561 xxu||||| |||| 00| 0 tha d | ||
100 | 0 |
_aวันปิติ ธรรมศรี. _9157312 |
|
245 | 1 | 0 |
_aการศึกษาสารพิษตกค้างในผัก พฤติกรรมผู้บริโภคและแนวทางลดสารเคมีเพื่อปรับเปลี่ยนการบริโภคผักปลอดสารพิษ / _cวันปิติ ธรรมศรี. |
518 | _aYJ2019 M05 | ||
520 | _aการศึกษาสารพิษตกค้างในผัก พฤติกรรมผู้บริโภค และแนวทางลดสารเคมีเพื่อปรับเปลี่ยนการบริโภค ผักปลอดสารพิษในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกบริโภคผักปลอดสารพิษ ศึกษาวิเคราะห์หาปริมาณสารพิษตกค้างกลุ่ม Organophosphates และ Carbamate และสร้างแรงจูงใจ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค กลุ่มตัวอย่างคือ ตัวแทนผู้บริโภค จํานวน 400 คน และตัวแทนผักคะน้า จํานวน 80 ตัวอย่าง ใน 4 พื้นที่ (แขวงบางพลัด แขวงบางอ้อ แขวงบางบําหรุ และแขวงบางยี่ขัน) ของกรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ชุดทดสอบเอ็มเจพีเค (MJPK) และเครื่องมือ วิเคราะห์ Gas Chromatograph-Mass Spectrometer : GC-MS ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรม การเลือกบริโภคผักปลอดสารพิษคือปัจจัยส่วนบุคคล ส่วนผลการสุ่มตรวจสารพิษในคะน้าด้วยชุดทดสอบพบว่า แขวงบางพลัดพบการตกค้างอยู่ในระดับไม่ปลอดภัยมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 40 และเมื่อทําการสุ่มตรวจสารพิษ ในผักคะน้าปลอดสารพิษด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ GC-MS พบว่าตรวจไม่พบสารพิษตกค้างในกลุ่ม Organophosphates (32 ชนดิ) อย่างไรก็ตามเมื่อผู้บริโภคได้ตระหนักถึงการสะสมของสารพิษในผักดั งกล่าว ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาบริโภคคะน้าปลอดสารพิษแทน ซึ่งจากการเผยแพร่ข้อมูลการศึกษานี้พบว่า ผู้บริโภคมีระดับความเชื่อมั่นอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก สำหรับแนวทางการลดสารเคมีโดยวิธีการล้างผักที่ดีที่สุด คือ การใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตและนํ้าส้มสายชูซึ่งสามารถลดการตกค้างของสารพิษได้ร้อยละ 90-95 | ||
648 |
_aFOOD62M06 _9159115 |
||
650 | 4 |
_aผักปลอดสารพิษ. _9159116 |
|
650 | 4 |
_aสารพิษตกค้างทางเกษตรกรรม. _9159117 |
|
773 |
_tวารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม _g41, 3 (ก.ค.-ก.ย. 2561) 82-92 _x0859-5453 |
||
942 | _2lcc |